Head_ad

Saturday, February 27, 2016

ทำกิมจิหัวใชเท้าแบบง่ายๆ ทานเอง ละเอียดยิบๆ โดย MR. TRIN

มารีวิวสูตรทำ "กิมจิหัวไชเท้า" แบบง่ายๆไม่ยุ่งยากเลยให้ สมาชิกเพจนี้ ทุกท่านลองทำไปทานในครอบครัวในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคืองกันนะ

ใครมีร้านอาหารก็ทำไว้แถมๆเครื่องเคียงลูกค้าก็ได้ ไม่ยาก แก้เลี่ยนได้ 










วัตถุดิบ 


1. ไชเท้า หั่นเต๋า 
2. ต้นหอมไทย หรือ หอมญี่ปุ่น
3. น้ำตาล 
4. น้ำปลา 
5. เกลือ
6. พริกปาปริก้า 
7. กระเทียม 
8. ขิง





วิธีการทำ
1) เริ่มจากเราหั่นหัวไชเท้าเป็นเต๋าหรือ ตามแต่เราพอใจ ไม่ต้อง ชิ้นใหญ่นะเพื่อรสชาด ส่วนหัวไชเท้าวันนี้ใช้ประมาณ 2 กิโลกรัม ปอกเปลือกแล้ว ล้างน้ำทันที 

จากนั้นหั่นตามภาพ ความจริงหัวไชเท้าเกาหลีใหญ่มากๆจนสามารถหั่นให้มีขนาดเป็นลูกเต๋าได้



2) ขั้นตอนนี้ ค่อนข้างยากนิดนึง  คือ ต้องอาศัยประสบการณ์และอดทน ค่อยๆ  ตักเกลือ 2 ช้อนโต๊ะและน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ เทลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน 

จากนั้นทิ้งเอาไว้ครึ่งชั่วโมงและ ทุกๆสิบนาทีให้คลุกเคล้าเบาๆ เพราะมันจะช้ำ จากนั้นก็ไปเตรียมของอย่างอื่นๆกันต่อ ไปกันเลย


3) ต่อด้วย หั่นต้นหอม (ใช้ต้นหอมไทยนั่นแหละ)  หัวไชเท้าสองกิโลกรัมต่อต้นหอม 4 ถึง 5 ต้นก็พอ ซอยแบบหยาบๆ แล้วทิ้งมันเอาไว้  







4) ตามด้วยปอกกระเทียม ใช้กระเทียมจีน 6 กลีบ ก็พอ ปอกเปลือกแล้วก็หั่นหยาบๆ ตามภาพ 







5) ขั้นตอนนี้แถมวิธีการ คือ นอกจากหั่นให้ให้แหลกประมาณนี้ ส่วนใคร จะตำ จะปั่น ก็ได้ ไม่มีปัญหา ตามแบบภาพนี้เลย 







6) ตามด้วยเริ่มหั่นขิง ส่วนนี้แนะนำ ใช้นิดเดียวนะ ประมาณหัวแม่มือได้ สับพอหยาบๆก็พอ  (อย่าใส่ขิงเยอะ เพราะมันจะฉุนและเผ็ดมากๆ) 







7) พอหั่นทุกอย่างเสร็จ ก็ได้เวลามาดูแลหัวไชเท้าแล้ว จากรูปจะเห็นว่ามีน้ำเจิ่งนอง หากเป็น กิมจิผักกาดขาว เราจะคั้นน้ำทิ้งทั้งหมด แต่ไม่ใช่สำหรับกิมจิหัวไชเท้า เพราะว่าเราจะเก็บน้ำของมันเอาไว้ผสมในตอนท้าย 





8) กรองแล้วเทใส่ถ้วยเอาไว้ ไม่ต้องล้างแล้ว แต่ให้พักมันเอาไว้แบบนั้นแหละ  จากนั้นไปจัดการปรุงรสกันเลย 







9) ผสมทุกอย่างลงไปผสมกับหัวไชเท้าที่เราหมักเกลือกับน้ำตาลไว้แล้ว  ทั้งต้นหอม กระเทียม แล้วก็ขิง 







10) ใส่พริกปาปริก้าลงไป ประมาณ 60 กรัม สำหรับหัวไชเท้าสองกิโลกรัม หนึ่งซองพอดีเลย







11) น้ำปลาประมาณ 1 ทัพพี ถ้าไม่ค่อยได้ทำอาหา รก็เหยาะใส่ที่ละนิดแล้วชิมเอา ใช้น้ำปลาเกรดดีหน่อยจะได้หอมๆ







12) ตักน้ำที่ได้จากการหมักหัวไชเท้า เกลือ และน้ำตาลในช่วงแรก ใช้สองทัพพีก็พอ ที่เหลือเททิ้งหมดเลยไม่ต้องอาลัยหรือเสียดาย







13) เพิ่มความหวานหน่อย ใส่น้ำตาลลงไป 4 ช้อนโต๊ะนะ น้ำตาลนอกจากเพิ่มความหวานแล้วมันยังทำให้หัวไชเท้ากิมจิของเราเปรี้ยวได้อีก ใช้ได้ทั้งน้ำตาลทรายขาวและแดง แต่สาธิตครั้งนี้ใช้น้ำตาลทรายแดง







14) จากนั้นก็เริ่มคลุกเคล้าด้วยกัน  นวด คลึง ขยำไปเรื่อยๆ ถามว่านานเท่าไหร่ ก็จนกว่าจะไม่มีน้ำให้เห็นหนักบ้างเบาบ้างสลับกันไป 







15) นวดจนได้ประมาณนี้ น้ำงวดหมดแล้ว เสร็จแล้ว ควรหาภาชนะที่ปิดมิดชิดมาใส่หรือถ้าไม่มีก็ใช้ถงพลาสติกขนาดย่อมๆก็ได้ 

  






16) TIP การบรรจุสักนิดนึง คือ ตอนบรรจุให้กดอัดให้แน่นๆ พยายามอย่าให้มีอากาศแทรกเข้าไปได้ เข้าก็น้อยที่สุด กันเปรี้ยวเร็ว 


  






เรียบร้อยแล้ว เท่าที่ทราบปริมาณนี้ไม่ถูกนะ แพงเอาการอยู่ ใครที่คิดจะทำขายลองดูได้นะ มีตลาดอยู่ในช่วงเศรษฐกิกดิ่งเหวแบบนี้ก็ไม่เลวนะ 

ขอบคุณ MR. TRIN 
 ที่พยายามมารีวิวผ่านพันทิป เก็บมาฝาก และปรับวาจากวนๆ ของแกออกไปนิดหน่อย แต่ชื่นชมว่าแกรีวิวละเอียดยิบๆ และ เห็นภาพชัดเจน เก่งนะเนี่ย ชอบการรีวิวของแก 



Friday, February 26, 2016

ล้างหน้าจนผิวแห้งตึง เสี่ยงหน้าเหี่ยวก่อนวัย!

คุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบใช้สบู่ก้อน หรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ล้างแล้วหน้าสะอาดเกลี้ยง ไม่เหลืออะไรเคลือบผิวเลยใช่ไหมคะ?

นั่นคือความผิดพลาดที่ทำร้ายผิวอย่างรุนแรง! 



เพราะโครงสร้างผิวหน้า มีจุลชีวะนาๆชนิดทั้งชนิดดี และไม่ดี โดยชนิดดีจะทำหน้าที่คอยปกป้องผิวอยู่ รวมถึงสารเคลือบผิว ที่ทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้น ให้ผิวมีความยืดหยุ่น ตึงกระชับ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ควรเลือกที่มีค่า PH ประมาณ 5 - 5.5 จะ ได้ค่า PH Balance  อันเป็นค่าที่ดีต่อผิวหน้าที่สุด 


หรือให้ง่ายๆ ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่หลังจากล้างน้ำเปล่าออกแล้ว เหลือสารเคลือบผิวไว้บ้าง อย่าล้างแล้วแห้งตึงจนเกินไปค่ะ และควรใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดก่อนการล้างหน้าเป็นประจำ ถึงแม้ไม่แต่งหน้าก็ตามด้วยนะคะ

เพียงเท่านี้ ผิวหน้าก็จะสะอาดสดใส ได้สมดุล ไม่เร่งให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรค่ะ

ที่มา : เวชสำอาง Impress ทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อสมดุลผิวที่ดี

Friday, February 19, 2016

สูตรมาสก์หน้า ด้วย มะละกอ ลดความมันและรอยด่างดำ

 เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซีและอีสูง ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องลดความมันบนใบหน้า ลบรอยด่างดำ ช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวชุ่มชื้นและนิ่มนวลอีกด้วย และในวันนี้เรามีสูตรมาให้สาวๆ ที่อยากผิวดีด้วยวิธีง่ายๆ กันทั้งหมด 3 สูตรเลย
1. สูตรมะละกอลบรอยด่างดำ บดมะละกอสุกให้ละเอียด พอกหน้าทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วล้างออก จะช่วยลบรอยด่างดำบนใบหน้าได้
2. สูตรช่วยทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ด้วยมะละกอ - กล้วยหอม
สูตรนี้จะอย่างเห็นผลได้ชัดเจนมากที่สุดเลย แค่มาสก์หน้าครั้งแรกก็เห็นถึงความนุ่มของผิวหน้า
ส่วนผสม
1. มะละกอสุกบด 3 ช้อนโต๊ะ

2. กล้วยหอมบด 2 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
วิธีทำ
ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ใส่กระปุกที่มีฝาปิด แช่เย็นไว้ให้เย็นนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 30-60 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
3. สูตรผิวเนียน สูตรนี้ช่วยให้ผิวนุ่มเนียนน่าสัมผัสยิ่งขึ้น
ส่วนผสม
1. มะละกอสุกบด 3 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำมันงา 3 ช้อนชา
3. กลิ่นลาเวนเดอร์เล็กน้อย
วิธีทำ
1.ผสมทุกอย่างในถ้วยให้เข้ากันแล้วนำไปแช่ในน้ำร้อน ให้ส่วนผสมทั้งหมดพออุ่นๆ
2.นำไปพอกหน้า ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นๆ ปิดให้พอหมาดๆ ปิดหน้าทิ้งไว้สัก 15 นาที แล้วล้างออก

Wednesday, February 17, 2016

" ชา " ชนิดไหนเหมาะกับเรา

ชา " ชนิดไหนเหมาะกับเรา

1. ผู้ที่ทำงานแบบใช้สมอง ต้องเครียดทั้งวัน หรือนักเรียนนักศึกษาที่ตรากตรำอ่านตำราจนดึกดื่น ควรดื่ม “ชามะลิ”

2. ผู้ที่รักการออกกำลังกาย หรือทำงานที่ต้องใช้แรง เสียเหงื่อมาก เหมาะกับ “ชาอูหลง”

3. ผู้ที่ต้องผจญสูดดมอากาศเป็นพิษอยู่เสมอ อาทิ ผู้ที่ขับขี่หรือสัญจรไปมาด้วยรถจักรยานยนต์เป็นประจำ เหมาะกับ “ชาเขียว”

4. ผู้ที่ในแต่ละวันนั่งตัวติดกับเก้าอี้ ไม่ค่อยขยับเขยื้อนกายไปไหนเลย อีกทั้งปกติไม่ชอบออกกำลังกายด้วยแล้ว เหมาะอย่างยิ่งกับ “ชาเขียว หรือ ชาดอกไม้”

5. ผู้ที่ชอบดื่มสุรา เครื่องดื่มมึนเมา ควรดื่ม “ชาเขียว”

6. ผู้นิยมรับประทานเนื้อสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ เหมาะกับ “ชาอูหลง”

7. ผู้ที่เข้าห้องน้ำแต่ละครั้งช่างทุกข์ทรมานเสียเหลือเกิน แล้วยังมักท้องผูกเสมอๆ เหมาะกับ “ชาผสมน้ำผึ้ง”

8. ผู้ที่มีระดับคลอเรสเตอรอลสูง ไขมันในเลือดสูง เหมาะที่จะดื่ม “ชาอูหลงหรือชาเขียว”

9. มนุษย์ยุคไฮเทคที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้งคืน หากได้ดื่มชาเป็นประจำจะดีมากๆ (ชาอะไรก็ได้ทั้งนั้น) เช่น ว่างเมื่อไหร่ก็คว้าแก้วน้ำชาข้างมือยกมาดื่มสักอึกสองอึกแก้กระหาย จะช่วยป้องกันรังสีที่แผ่ออกมาจากเครื่อง อีกทั้งช่วยคลายเส้นคลายกระดูก ลดความอาการอ่อนเพลียได้อย่างชะงัดนักแล

สุดท้ายกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานและความดัน แนะนำ "ชาอาโป" ปรุงจาก ใบหม่อน ดอกคำฝอย และสมุนไพรอีกหลายตัว (สูตรเคยให้ไปแล้วครับ) ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก : สยามดารา ข้อมูลสุขภาพจากคลินิก สมุนไพรหมอศุภ การแพทย์แผนไทยรักษาโรคปวดเข่า เบาหวาน...ฟรี#ปวดเข่า #ข้อเข่าเสื่อม


Saturday, February 13, 2016

ขั้นตอนการทำชุดปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน (ไฮโดรโปนิกส์)

มีความฝันว่าอยากจะปลูกผักไว้รับประทานเองที่บ้าน นอกจากการปลูกพืชผักในสวนหลังบ้านโดยใช้ดินแล้ว วิธีการปลูกผักโดยไม่ใช้ดินหรือที่เรียกกันว่า “ไฮโดรโปนิกส์” ซึ่งเป็นวิธีการปลูกพืชโดยใช้ระบบน้ำแทนดิน นับว่าป็นอีกวิธีที่นิยมมากในปัจจุบัน


แนวทางการทำชุดปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ ค้นหามาจากคุณ TheGolfMania สมาชิกเว็บไซต์ Pantip.com มาฝากชาวเว็บกัน ใครที่กำลังมองหาแนวทางในการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินอยู่ล่ะก็ ลองมาดูกันได้

มีหลายๆ ท่านสอบถามเรื่องชุดปลูก วิธีการปลูก อุปกรณ์ รวมถึงอื่นๆ เข้ามามากมายพอสมควรเลยทีเดียว  หลังจากที่ปลูกด้วยชุดปลูกครั้งก่อนไป มาถึงวันนี้ก็ปลูกไปได้ 2 รุ่น  ก็พอจะทราบปัญหาบางอย่างของชุดปลูกรุ่นแรกบ้างนิดหน่อยดังนั้นวันนี้ก็เลยมาทำการ Update การสร้างชุดปลูกใน Version ใหม่ให้อีกครั้งรวมถึงขั้นตอนการปลูกผักอย่างละเอียดมาให้ติดตามกันอีกครั้งครับ ลองมาติดตามกันเลย 

ขั้นตอนแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องเดิมคือการเตรียมวัสดุ

– ท่อ PVC ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 9 เส้น
(ใช้สีขาวเพราะจากการหาข้อมูลพบว่าสีขาวจะอมความร้อนน้อยกว่าสีฟ้า)
– ข้อต่อ PVC งอ 90 ขนาด 2 นิ้ว แบบบาง 11 ตัว
– ข้อต่อ PVC 3 ทาง ขนาด 2 นิ้ว แบบบาง 8 ตัว
– บอลวาล์ว ขนาด 1/2 นิ้ว 9 ตัว
– ท่อ PVC ขนาด 1/2 นิ้ว 2 เส้น
– สายยางขนาด 1/2 นิ้ว 2 เมตร
– ถัง 200 ลิตร
– ข้องอเกลียวใน 1/2 นิ้ว 1 ตัว
– ท่อรับสายยาง ขนาด 1/2 นิ้ว 1 ตัว

หมายเหตุ : สามารถปรับแต่งจำนวนของของด้านบนตามสัดส่วนที่ต้องการสร้างได้เลย
อุปกรณ์ และ เครื่องมือ

– สว่าน และ โฮล์ดซอล์ขนาด 38 1/2 MM
– ตัวตัด PVC หรือ อาจจะใช้เลื่อยตัดเหล็กธรรมดาก็ได้
– กาวต่อท่อ PVC
– น๊อตเกลียวปล่อยเบอร์ 7 ยาว นิ้วครึ่ง


เอาหละเมื่อเตรียมของได้แล้วก็เริ่มกันเลย

ท่อ PVC ขนาด 2 นิ้วที่ได้มานั้น  จะมีปลายด้านหนึ่งบานเพื่อให้ต่อท่อเข้าด้วยกันจึงต้อง ตัดปลายนี้ออกและเมื่อตัดแล้วความยาวจะลดลงนิดหน่อยประมาณ 10 CM แล้วจะได้ท่อหน้าตาแบบนี้

จะเห็นว่าเริ่มเอาข้องอมาสวมที่ปลายด้านหนึ่งของท่อเพื่อกำหนดเป็นทางน้ำเข้า และใน Version นี้จะได้เห็นว่าน้ำแรงพอๆกันหรือไม่ 

หลังจากนั้นก็ทากาวให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันน้ำรั่วซึมออกมา จากประสบการณ์ส่วนตัวนั้นแนะนำว่าทากาวมากๆ และก่อนทาควรจะเช็ดฝุ่นออกให้เรียบร้อย เมื่อทากาวต่อข้องอครบทุกท่อแล้วก็จะได้หน้าตาแบบนี้ (ตามภาพ) 
 หลังจากนั้นก็จะวัดระยะเพื่อสร้างความห่างที่เหมาะสมซึ่งจากการที่ทดลองปลูกมา 2 รอบแล้วก็พอจะบอกได้ว่าระยะที่เหมาะสมระหว่างแถวนั้นจะอยู่ราวๆ 10 -15 CM ก็ตัดเศษท่อเพื่อใช้เป็นตัววัดระยะเพื่อความสะดวกเลย ซึ่งด้านนี้จะใช้ท่อ PVC ขนาด 1/2 นิ้วแล้วยึดด้วยน๊อตเกลียวปล่อยระยะโครงชุดปลูกในฝั่งหัวจะได้ไม่เคลื่อน
 เมื่อวัดระยะเรียบร้อยแล้วจากนั้นก็ยึดชุดปลูกกับท่อ 1/2 นิ้วได้เลย




ทีนี้เราก็จะมาต่อส่วนท้ายของรางปลูกเพื่อรับน้ำจากปลายรางแล้วส่งน้ำกลับไปที่ถังพัก  โดยจะใส่ข้องอ 90 ไปที่รางแรกแบบนี้



และก็จะใช้ท่อ PVC ที่เป็นตัววัดระยะเพื่อให้ได้ระยะห่างที่เท่ากันกับด้านต้นราง


โดยรางที่ 2-9 ก็จะต่อปลายรางด้วยข้อต่อ 3 ทาง เมื่อต่อเสร็จแล้วจะได้หน้าตาแบบนี้

การยึดหัวท้ายของรางให้เรียบร้อยก่อนนั้นเราจะช่วยให้เราทำงานส่วนอื่นๆได้ง่ายขึ้น  หลังจากนั้นค่อยมาใส่ระบบน้ำเข้าโดยใช้ PVC ขนาด 1/2 นิ้วมาต่อกันแบบนี้ ชุดที่ 1 ให้ใส่ข้องอ90 ตามด้วย บอลวาล์วแบบนี้

 ในขณะที่ชุดอื่นๆจะต่อ 3 ทางเข้ากับบอลวาล์วแบบนี้

เมื่อทำครบทั้ง 9 ชุดแล้วก็ลองเอาไปวางดูเพื่อตรวจสอบระยะและทำการประกอบ


และประกอบทั้ง 9 ชุดเข้าด้วยกันแบบนี้


จากนั้นก็วัดระยะทาบของรางที่ 1 และ 9 แล้วขีดเส้นเพื่อจัดระยะเจาถ้วยปลูกแล้วทำการเจาะด้วย สว่าน+โฮล์ดซอล์ 



จึงใช้หัวขัดเพื่อตัดขุยพวกนี้ออกซะ ซึ่งเมื่อขัดเสร็จได้จะได้ความต่างกันมากๆเลยทีเดียว แบบนี้
ทีนี้เราก็มาใส่ระบบน้ำเข้า + ออกให้สมบูรณ์กัน
เราใช้ถังพักน้ำที่เป็นปุ๋ยร่วมกัน 2 ชุด  เพราะจากการคำนวณแล้วพบว่าช่วงที่ผักอายุ 35 วันขึ้นไปจะเป็นช่วงที่ใช้น้ำมากที่สุด 250 ต้น ใช้ราวๆ 30 ลิตรต่อวัน
ดังนั้นจึงต้องวางถังน้ำไว้ระหว่างสองชุดแบบนี้




เมื่อต่อเรียบร้อยก็เทสระบบน้ำเข้าออก  รวมถึงปล่อยน้ำเพื่อล้างเศษจากการเจาะออกไป


เมื่อเทสระบบน้ำเรียบร้อยก็เอาต้นที่เพาะเอาไว้ลงรางปลูกได้เลย




ภาพด้านล่างนี้จะเป็นภาพจากการปลูก 2 ชุดที่ผ่านมาครับผลที่ออกมาสำหรับผมถือว่าน่าพอใจ
25 วันแรกจะได้ประมาณนี้


ส่วนภาพนี้จะเป็นระยะที่ 35-39 วัน ซึ่งผมเก็บชุดแรกๆที่ระยะประมาณ 38-40 วัน

ค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์นั้นขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ที่จะสามารถหาของเพื่อลดต้นทุนได้  แต่จะเขียนราคาที่ได้จริงๆ ให้

– ท่อ PVC 2 นิ้ว ชั้น 5 สีขาว 80 บาทต่อ 1 เส้น
– ข้องอ PVC 2 นิ้ว บาง 15 บาทต่อ 1 ตัว
– ข้อต่อ 3 ทาง PVC 2 นิ้ว บาง 15 บาทต่อ 1 ตัว
– กาวต่อ PVC 1000 กรัม 382 บาท
– ข้องอ 1/2 นิ้ว หนา 3 บาทต่อ 1 ตัว
– สามทาง 1/2 นิ้ว หนา 4 บาทต่อ 1 ตัว
– บอลวาล์ว 1/2 นิ้ว ลัคกี้ 11 บาทต่อ 1 ตัว
– ปั้มน้ำ Sonic AP-4500 500 บาท
– ถังน้ำ 200 ลิตรพลาสติก 800 บาท

ที่มา : http://www.naibann.com/hydroponic-guide/